หน่วยงาน :
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี |
ประเภทผลงาน :
โครงการวิจัย |
ชื่อผลงาน: คุณภาพชีวิตการทำงานของอาจารย์พยาบาลในสถาบันสมทบ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
เป็นผลงานที่อยู่ในแผนส่งเสริมการนำเสนอผลงานวิชาการของวิทยาลัย |
|
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากวิทยาลัยและ/หรือหน่วยงานอื่นๆ ในการไปนำเสนอผลงานวิชาการ |
ชื่อผู้ทำวิจัย |
สถานะการทำวิจัย |
สัดส่วน |
|
กลุ่มสาขาวิชาการ |
: |
การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น |
ความสำคัญและที่มาของปัญหา : วิกฤตการขาดแลนพยาบาลเกิดขึ้นทั่วโลกทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ประเทศกำลังพัฒนาทั้งเอเชียและตอัฟริกา รวมทั้งประเทศไทย ทำให้เกิดความสงสัยไม่มั่นใจถึงคุณภาพของการให้บริการ ความปลอดภัยของผู้รับบริการ รวมถึงชื่อเสียงของโรงพยาบาล สถานการณ์ด้านการศึกษา พยาบาลในประเทศไทยเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ปัญหาความขาดแคลนพยาบาลในประเทศมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสถานศึกษาซึ่งมีหน้าที่ผลิตบัณฑิตพยาบาลในประเทศไทยปัจจุบันต้องรับนโยบายการผลติพยาบาลเพิ่มจากรัฐบาลและการสภาการพยาบาลเพื่อชดเชยความขาดแคลนที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ จากเดิมในปี 2551 จำนวนนักศึกษาพยาบาลรับชั้นใหม่ปีที่ 1 ทั่วประเทศมีจำนวน 5,025 คน แต่รัฐบาลแลสภาพการพยาบาลได้วางแผนผลติเพิ่มอีกจำนวน ปีละ 2,240 คน ตั้งแต่ปี 255-2556 รวม 5 ปี เท่ากับ 11,200 คน การเพิ่มจำนวนการรับดังกล่าวทำให้มีจำนวนนักศึกษาเพิ่มถึงกว่าร้อยละ 40 |
|
|
|
วัตถุประสงค์ของโครงการ |
|
|
1. ระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของอาจารย์พยาบาล2. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับคุณภาพชีวิตการทำงานของอาจารย์พยาบาล3. ปัจจัยทำนายคุณภาพชีวิตการทำงานของอาจารย์4. ตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลการวัดคุณภาพชีวิตการทำงานของอาจารย์ |
ขอบเขตของโครงการผลงาน |
|
|
อาจารย์พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ และสถาบันสมทบมหาวิทยาลัยมหิดล |
บทคัดย่อ |
|
|
การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา(1) ระดับคุณภาพชีวิตการทำงาน (2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับคุณภาพชีวิตการทำงาน (3) ปัจจัยทำนายคุณภาพชีวิตการทำงาน และ (4) ตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลการวัดคุณภาพการทำงาน กลุ่มตัวอย่างคือ อาจารย์จากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันสมทบ รวม 10 สถาบัน จำนวนทั้งสิ้น 556 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอนถามประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยด้านลักษณะงาน บรรยากาศองค์กร ความผูกพันต่อองค์กร วัฒนธรรมองค์กร และคุณภาพชีวิตการทำงาน มีค่าความเสี่ยงของเครื่องมือ 67,92,79,78, และ94 ตามลำดับ ผลการตอบกลับรวม390 คน คิดเป็นร้อยละ 70.27 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมุลได้แก่ สถิติพรรณนา ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน การวิเคราะห์ถดถอยพหูคุณแบบขั้นตอน และการตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลการวัดคุณภาพชีวิตการทำงานด้วยโปรแกรมสิสเรล ผลการวิจัยพบว่า 1.อาจารย์พยาบาลมีคุณภาพชีวิตการทำงานโดยรวม อยู่ในระดับสูง (M = 3.58 ,SD = .56) 2.คุณภาพชีวิตการทำงานมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับต่ำกับระยะเวลาปฏิบัติงานสอนในสถาบันปัจจุบัน และอายุ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และในระดับสูงถึงสูงมากกับลักษณะงาน ความผูกพันต่อองค์กร วัฒนธรรมองค์กร และบรรยากาศองค์กร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r = .418, .706,.774, .805 ตามลำดับ) แต่มีความสัมพันธ์ทางลบในระดับตำกับการไม่ได้รับตำแหน่งทางวิชาการ( r=.156) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.บรรยากาศองค์กร วัฒนธรรม ความผูกพัน ระยะเวลาปฏิบัติงานสอนในสถานณ์ปัจจุบัน และระยะเวลาปฏิบัติงานสอนบนหอผู้ป่วย สามารถร่วมกันพยากรณ์คุณภาพชีวิตการทำงาน ได้ร้อยละ 73.80 (R2=0.738 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .05 4.การวิเคราะห์องค์ปรกอบเชิงยืนยันความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมุลเชิงประจักษ์ ค่าไค-สแควที่ได้มีค่าแตกต่างจากศูนย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โมเดลการวัดคุณภาพชีวิตการทำงานของกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งประกอบด้วย 5 ตัวแปร สังเกตได้จากผลการพยากรณ์คุณภาพชีวิตการทำงาน
คำสำคัญ : คุณภาพชีวิตการทำงาน อาจารย์พยาบาลในสถาบันสมทบมหาวิทยาลัยมหิดล |
|
|
ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารระดับชาติและนานาชาติ |
ปี พ.ศ |
คะแนน |
วันที่เผยแพร่ |
โหลด |
|
การเผยแพร่บทความวิชาการ |
ปี พ.ศ |
คะแนน |
วันที่เผยแพร่ |
โหลด |
|
|
บูรณาการกับโครงการบริการวิชาการ
ความร่วมมืองานวิจัยกับบุคคลภายนอก |
ปีปฏิทิน |
: |
|
ปีการศึกษา |
: |
2553 |
ปีงบประมาณ |
: |
2553 |
วันที่เริ่ม |
: |
0 0 วันที่แล้วเสร็จ :
0 0 |
แหล่งเงินทุน |
|
|
ชื่อแฟ้มข้อมูล |
ขนาดแฟ้มข้อมูล |
จำนวนเข้าถึง |
วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด |
Download |
ทั้งหมด 0 รายการ |
|